content

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการฟอกสีฟัน

การฟอกสีฟันโดยปกติมี 2 ประเภท

  1. การฟอกสีฟันตาย (Internal tooth bleaching) ส่วนใหญ่มักพบในฟันที่รักษารากฟันเป็นระยะเวลานาน หรือฟันที่ประสบอุบัติเหตุ แล้วไม่ได้รักษารากฟัน เกิดจากกระบวนการตายของเนื้อเยื่อในโพรงประสาทฟัน และมีการเปลี่ยนสี ซึ่งอาจจะเป็นสีเหลืองเข้ม หรือสีเทา ถ้าพบในฟันที่รักษารากฟันแล้ว สามารถแก้ไขสีฟันให้กลับมาใกล้เคียงกันได้ด้วยการ ฟอกสีฟันภายในฟัน เรียกว่า การฟอกสีฟันตาย ค่าใช้จ่ายต่อซี่ ต่อคอร์ส รวมอุดฟันอยู่ที 3000 บาท/ซี่ มาประมาณ 2-3 ครั้ง (ค่าใช้จ่าย 3000 บาทรวมหมดแล้ว) แต่ถ้าฟันซี่นั้นยังไม่รักษารากฟัน จะต้องรักษารากฟันให้เสร็จเรียบร้อยก่อนถึงค่อยฟอกสีฟันตาย

2.การฟอกสีฟันทั้งปาก

เป็นการฟอกสีฟันทั้งปาก เป็นการฟอกสีฟันแบบภายนอกช่องปาก โดยการใช้สารฟอกสีฟัน ฟอกบริเวณผิวด้านนอกของฟัน ซึ่งถ้าใช้สารฟอกสีฟันที่ถูกต้อง จะไม่ส่งผลหรือทำอันตรายต่อผิวเคลือบฟัน ทั้งนี้ก่อนฟอกสีฟัน ควรได้รับการวินิจฉัยจากทันตแพทย์ก่อนว่า ฟันเหลืองของเรานั้น เกิดจากสาเหตุใด โดยปกติ ถ้าเกิดจากปัจจัยภายนอก เช่น การทานอาหารและเครื่องดื่ม นั้น ฟันจะสามารถขาวขึ้นอย่างชัดเจน แต่ถ้าเกิดจากปัจจัยภายใน เช่น ความผิดปกติของผิวเคลือบฟัน หรือ ความผิดปกติของเนื้อฟันภายใน อาจต้องแก้ไขด้วยวิธีอื่น เช่นการทำวีเนียร์เป็นต้น

Tetracycline Stain แก้ไขได้ด้วยการทำ วีเนียร์

ฟันเหลืองเนื่องจากปัจจัยภายนอก เช่น อาหาร เครื่องดื่ม สามารถแก้ไขได้ด้วยการ ฟอกสีฟัน

รูปแบบของการฟอกสีฟัน

  1. การฟอกสีฟันที่คลินิก (Inoffice tooth bleaching) เป็นการฟอกสีฟันด้วยทันตแพทย์ บนเตียงทำฟัน เป็นการฟอกสีฟันที่มีราคาแพงที่สุด แต่สามารถเห็นผลได้ทันที เหมาะกับคนไข้ที่ไม่สะดวกฟอกสีฟันที่บ้านหรือไม่มีเวลา หรือคนไข้ที่ต้องการสีฟันที่ขาวขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะไปงานต่างๆ รูปแบบของการฟอกสีฟันประเภทนี้คือ จะมีการใช้น้ำยาฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นสูง ร่วมกับการใช้แสงกระตุ้น เพื่อให้น้ำยาทำปฏิกิริยา ร่วมกับการใช้น้ำยาป้องกันเหงือกในระหว่างทำฟัน ข้อเสีย ของการฟอกสีฟันวิธีนี้คือ จะเสียวหลังทำฟันค่อนข้างมาก ในคนไข้ที่เสียวฟันง่ายอยู่แล้ว และจำเป็นต้องเคลียร์ช่องปาก ขูดหินปูน หรือ อุดคอฟัน ให้เรียบร้อยก่อนฟอกสีฟัน ราคาโดยปกติอยู่ที่ 6,500 บาทต่อคอร์ส พิเศษ ช่วงนี้มี โปรโมชั่น ราคาฟอกสีฟันเพียง 4,444 บาท

วิธีการฟอกสีฟันที่คลินิก

โปรโมชั่น ฟอกสีฟัน จนกว่าสินค้าจะหมด

2. การฟอกสีฟันที่บ้าน (Home Bleaching) เป็นรูปแบบการฟอกสีฟันด้วยตนเองของคนไข้ที่บ้าน ด้วยน้ำยาเฉพาะทางโดยทันตแพทย์ โดยปกติจะมีความเข้มข้น อยู่ที่ 10% 15% 20% และ 25% ในความเข้มข้นที่มากขึ้น จะทำให้คนไข้เสียวฟันขณะฟอกสีฟันมากยิ่งขึ้น แต่ฟันก็จะขาวเร็วขึ้น โดยอย่างน้อยควรจะต้องฟอกน้ำยาในช่องปากอย่างน้อย 5 ชั่วโมง เมื่อขาวจนพอใจสามารถหยุดฟอกได้ทันที หรือ ถ้ายังไม่ขาวสามารถฟอกต่อเนื่องได้ แต่ไม่ควรเกิน 2 สัปดาห์ พัก 1 สัปดาห์ และ ฟอกต่ออีก 2 สัปดาห์ ทันตแพทย์จะเป็นผู้ให้คำแนะนำ เป็นรายบุคคล ข้อดีของการฟอกสีฟันด้วยวิธีนี้ก็คือ โอกาสฟันจะกลับมาเหลืองจะช้ากว่าวิธีแรก ปรับความขาวได้ด้วยตนเอง ถาดฟอกสีฟันเฉพาะบุคคล ทำให้โอกาสฟันขาวโดยทั่วถึงจะดีกว่าแบบสำเร็จรูป

ถาดฟอกสีฟันที่บ้านเฉพาะบุคคล ราคา 4500 บาท

3. Over the counter whitening treatment เป็นการฟอกสีฟันโดยตนเองที่บ้าน โดยวิธีการต่างๆ โดยสารฟอกสีฟันอาจอยู่ในรูปแบบของ เจล ปากกา และยาสีฟัน โดยมีสารฟอกสีฟันที่มีความเข้มข้นต่ำ เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายแก่เหงือกและฟัน โดยปกติ ความขาวจะไม่แน่นอน และไม่ควรใช้เป็นประจำทุกวัน เพราะจะทำให้เคลือบฟันสึก เสียหายในระยะยาว ควรใช้ต่อเนื่องไม่เกิน 3 เดือน หรือพอฟันเริ่มขาวจนพอใจก็ควรจะหยุดใช้ และในระหว่างใช้งานควรหลีกเลี่ยง เครื่องดื่ม หรือพฤติกรรม ที่จะทำให้ฟันติดสีฟันได้ง่าย เช่น การสูบบุหรี่ วิธีการใช้งาน อ่านตามคำแนะนำของแต่ละผลิตภัณฑ์

โดยปกติระดับความขาวของฟัน ในแต่ละผลิตภัณฑ์อาจจะไม่เท่ากัน เนื่องจากหลายปัจจัย เช่น ปัจจัยจากเนื้อฟันเดิมคนไข้ ปัจจัยจากการรับประทานอาหาร หรือพฤติกรรมบางอย่างที่ส่งเสริมการติดสี เช่นการสูบบุหรี่เป็นประจำ ผลสำเร็จของการฟอกสีฟัน จึงควรปรึกษาทันตแพทย์

content

คำถามๆบ่อยเกี่ยวกับ EF

อะไรคือ EF และ EF ไว้ทำอะไร

  1. EF ใช้สำหรับทำอะไร
    • EF ย่อมาจาก Educational Fonctionnelle หรือ Functional Education . EF line เป็นเครื่องมือที่ใช้สำหรับเสริมสร้าง การใช้งานในภาวะปกติของช่องปากเพื่อเหนี่ยวนำให้เกิดการเจริญเติบโตในสภาวะปกติในผู้ป่วยอายุน้อย และเป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับเครื่องมือจัดฟันแบบติดแน่นในผู้ป่วยที่มีฟันแท้ขึ้นครบแล้ว
  2. ข้อดีของการรักษาแบบ Functional Education
    • วัตถุประสงค์ของการรักษาก็คือ เราจะกำจัดแรงอันมากเกินไปของกล้ามเนื้อที่กระทำต่อกระดูกและฟัน เพื่อปรับตำแหน่งของลิ้นที่เหมาะสม เพื่อให้แนวกลางของขากรรไกรล่างสอดคล้องกับขากรรไกรบน เพื่อเป็นการฝึกหัดเฉพาะบุคคลต่อการกลืนและหายใจ
  3. เราต้องใส่เครื่องมือเช่นนี้นานเท่าไหร่
    • โดยปกติเราจะใส่ระยะเวลา 6 เดือน ทุกวัน หลังจากแก้ไขความผิดปกติได้แล้วให้ใส่ต่ออีก 6 เดือน แต่สามารถลดระยะเวลาใส่เครื่องมือลงได้
  4. เครื่องมือจะทำให้เจ็บในเวลาใส่หรือไม่
    • ผู้ป่วยแต่ละคนมีรูปร่างขากรรไกรและฟันที่ไม่เหมือนกัน ผู้ป่วยบางคนอาจจะไม่รู้สึกสะดวกสบายเวลาใส่ในระยะ 2-3 วันแรก เป็นเรื่องปกติเนื่องจากขากรรไกรกำลังปรับตัว การใส่อย่างต่อเนื่องตามข้อกำหนดจะช่วยบรรเทาการกดเจ็บและความไม่สะดวกสบายได้
  5. ในแต่ละวันเราควรใส่ EF อย่างไร
    • เราควรใส่ EF ในเวลากลางวันอย่างน้อย 2 ชั่วโมง โดยขณะที่ใส่ควรฝึกกล้ามเนื้อที่เกี่ยวกับการหายใจ และใส่ในขณะนอนหลับ ส่วนในระหว่างวันที่ไม่ได้ใส่เครื่องมือ ควรฝึกบริหารกล้ามเนื้อรอบริมฝีปากด้วยท่า Bubble (ท่าทำปากพองลม และทำคางให้พองออกเท่าที่จะทำได้) และท่า Monkey (ท่าเอาลิ้นเลียรอบฝีปาก และวางลิ้นให้อยู่ในตำแหน่งที่ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้)

EF มีกี่แบบ

การเลือก EF ควรอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ ข้อมูลที่ให้เป็นแค่รายละเอียดคร่าวๆเบื้องต้นเท่านั้น

EF start เหมาะสำหรับเด็กในช่วงอายุ 4-8 ปี ที่มีปัญหา ทางด้านกลืน หายใจ ดูดนิ้วมือ หรือมีความผิดปกติอื่นๆ

ลักษณะเครื่องมือ มีการเยื้องเล็กน้อยของฟันเขี้ยวบนและล่าง

ใช้รักษาความผิดปกติ ในช่วงฟันน้ำนม หรือฟันชุดผสม แก้ไขความผิดปกติในฟันบนยื่น หรือฟันน้ำนมล่างคร่อมบน มีฟันสบเหลื่อมในฟันหน้าหรือฟันหลัง หรือ ตำแหน่งกลางหน้าไม่ตรง

EF 2 เหมาะสำหรับ คนไข้ฟันกัดสบลึก

ลักษณะเครื่องมือ มีตัวกันกระแทกด้านหน้าขนาดใหญ่ และ ตัวกันลิ้นใหญ่

ข้อบ่งใช้ ในชุดฟันผสม ที่มีการกัดสบลึก

EF 3 เหมาะสำหรับ คนไข้ฟันกัดสบลึก

ลักษณะเครื่องมือ ตัวกันกระแทกด้านหน้าสั้นลง ตัวกันลิ้นเล็กลง

ข้อบ่งใช้ ในชุดฟันผสม ที่มีฟันซ้อนเกมากๆ

EFT evolution ใช้ในช่วงเด็กอายุ 8-11 ปี มีการสบฟันแบบกัดลึก หรือฟันล่างคร่อมฟันบน ร่วมกับมีปัญหากลางหน้าฟันเบี้ยว และ แก้ไขความผิดปกติของการกลืน ตำแหน่งของลิ้นที่ ผิดปกติ และสามารถใส่เป็นเครื่องมือกันที่สำหรับเด็กที่ถูกถอนฟันเขี้ยวน้ำนมไปก่อนกำหนดได้

EF1 ใช้สำหรับแก้ไขคนไข้ที่มีฟันสบลึกและมีขากรรไกรขนาดใหญ่

EF braces เหมาะสำหรับแก้ไขความผิดปกติของกล้ามเนื้อลิ้น และ ริมฝีปาก ไปพร้อมๆกับการจัดฟันแบบติดแน่น เพื่อไม่ให้แรงของกล้ามเนื้อรอบริมฝีปากและลิ้น รบกวนการจัดฟัน

มีใครใส่ EF กันบ้าง ตามไปดูกันเลยค่ะ

หนูยิ้มหนูแย้มใส่เครื่องมือ EF

น้องสกายเลอร์ก็ใส่ EF

น้องเกรสก็ใส่ EF เหมือนกันจ้า

ถ้าลูกของคุณมีปัญหาตามนี้ แก้ไขได้ด้วย EF ได้เลยจ้า ราคาคิดเป็นคอร์ส ขึ้นกับสภาพความรุนแรงของแต่ละบุคคลเริ่มต้นที่ 10,000 -15,000 บาทจ้า สนใจติดต่อนัดหมาย 0830157046

แจ้งเรื่องสนใจทำ EF ได้เลยค่า

content

การย้ายเคสจัดฟัน

กรณีต้องการย้ายเคสจัดฟัน สิ่งที่ควรจะต้องเตรียมมามีดังนี้

  • โมเดลที่ได้พิมพ์ปากตั้งแต่ก่อนเริ่มจัดฟัน
  • ฟิลม์เอกซเรย์
  • ประวัติการรักษาเดิม

กรณีไม่สามารถนำ ทั้ง 3 สิ่งมาพบคุณหมอได้ จำเป็นที่จะต้องให้คุณหมอตรวจและประเมินก่อนว่าสามารถจะจัดต่อได้หรือไม่ (ตารางคุณหมอ ผกายพฤทธิ์ ขึ้นทุกวันอังคาร สัปดาห์ที่1 กับ 3 และ วันเสาร์ สัปดาห์ที่ 2 กับ 4 ค่ะ คุณหมอจบเฉพาะทางจัดฟันจากจุฬา ประสบการณ์ไม่ต่ำกว่า 10 ปี)

  • กรณี จัดต่อได้เลย โดยไม่ต้องรื้อ bracket ใหม่ จะมีค่าใช้จ่ายครั้งแรก 5000 บาท ครั้งถัดไปครั้งละ 1000 บาท จนกว่าจะเสร็จ
  • กรณี จัดต่อจากอุปกรณ์เดิมไม่ได้ ต้องรื้อ bracket จะต้องมีค่ารื้ออุปกรณ์ 1000 บาท และจะต้องเสียค่าใช้จ่าย เหมือน คนเริ่มต้นจัดฟันปกติของคลินิกรวมถึงจะได้โปรโมชั่นเหมือนคนที่เริ่มจัดใหม่

โปรโมชั่นย้ายเคสจัดฟันวันนี้ ลดค่าเอกซเรย์ฟัน 50% พิเศษจัดใหม่จนเสร็จ (ค่าใช้จ่ายลดราคาจะถูกหักหลังจากติดเครื่องมือจัดฟัน)

content

วิธีดูแลสุขภาพช่องปากสำหรับคุณแม่มือใหม่ (2)

สำหรับเด็กน้อยที่มีฟันขึ้นแล้ว เป็นช่วงที่ต้องเริ่มพาเด็กมาพบหมอฟัน ทุก 3-6 เดือน เพื่อสร้างความคุ้นเคย และ เพื่อที่คุณหมอจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพช่องปากที่เหมาะสม รายบุคคล

สำหรับผู้ปกครอง ให้ใช้แปรงสีฟันสำหรับเด็ก ร่วมกับยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ 1000 PPM

credit : เพจฟันน้ำนม

เด็กช่วงนี้ สามารถให้เด็กแปรงฟันเอง ร่วมกับ ผู้ปกครองแปรงฟันให้ ** เสมอ ** จนถึงอายุประมาณ 7-8 ปี หรือจนกว่า น้องจะใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กได้อย่างคล่องแคล่ว (ติดกระดุมเองได้ เทน้ำใส่แก้ว ผูกเชือกรองเท้า)

ลักษณะการแปรงฟันเป็นแบบ ถูไปมา (Scrub Technique) เนื่องจากฟันน้ำนมเป็นฟันที่ค่อนข้างเล็ก จนกระทั่งฟันแท้เริ่มขึ้น จึงควรเปลี่ยนวิธีการแปรงฟัน (Modified Bass Technique) และใช้เวลาประมาณ 2 นาที

credit : เพจฟันน้ำนม

content

ข้อควรเข้าใจ ในขณะที่ลูกทำฟัน

น้องก้านพลูคนเก่ง

โดยปกติคุณหมอจะอนุญาตให้คุณพ่อคุณแม่ คนใดคนหนึ่งสามารถอยู่กับน้องในขณะทำฟัน ได้อยู่แล้ว เพื่อให้เด็กมีกำลังใจ และเพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ได้เห็นขั้นตอนการทำงานของคุณหมอด้วย แต่สิ่งที่คุณหมอขอความร่วมมือ คุณพ่อกับคุณแม่มีดังต่อไปนี้ค่ะ

อย่าพูดแทรกในขณะที่หมอกำลังพูด เพราะเด็กจะสับสน ไม่รู้ว่าจะฟังใคร อยากให้คุณพ่อคุณแม่ อยู่เพียงแค่เป็นกำลังใจ บีบมือ จับขา และบอกแก่เขาว่า คุณพ่อ คุณแม่อยู่ตรงนี้ ก็เพียงพอแล้ว ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ปล่อยให้เป็นเรื่องของคุณหมอเองค่ะ

ในบางครั้ง ถ้าน้องดื้อมาก หรือไม่ฟังจริงๆ หมออาจจำเป็นต้องเชิญ ผู้ปกครองออกไปรอด้านนอก ขอให้คุณพ่อคุณแม่ ไว้ใจ คุณหมอ และให้ความร่วมมือด้วยนะคะ คุณหมอจัดการได้ คุณพ่อคุณแม่สามารถจะมองอยู่ด้านนอก สบสายตาปิ๊งๆ ได้ตามสบายค่ะ บางครั้ง ในเด็กดื้อมากๆ ถ้าเราไม่จับแยก คุณหมอจะไม่สามาถทำฟันได้เลยค่ะ

การใช้เตียงเด็กช่วยยึดน้อง จะสามารถทำให้คุณหมอทำฟันน้องได้อย่างปลอดภัย การใช้เตียงเด็กไม่ใช่การทำโทษเด็ก ถ้าจำเป็นต้องใช้คุณหมอจะแจ้งให้ทราบค่ะ

ในบางครั้งอาจจะต้องใช้เสียงดัง เพื่อดุ และปรามเด็กบ้างในเด็กที่ดื้อมากๆ ที่ไม่ฟังเลย เพื่อให้สามารถให้การรักษาได้ค่ะ ขอให้ผู้ปกครองเข้าใจ และคุณหมอจะแจ้งให้ทราบค่ะ

เด็กในแต่ละช่วงอายุจะมีกระบวนการในการจัดการเด็กที่แตกต่างกันไป ขึ้นกับงานหัตถการที่ทำและช่วงอายุ ขอให้คุณพ่อคุณแม่ สบายใจ และ ไว้วางใจในกระบวนการรักษาของคุณหมอ ในเด็กเล็กมาก ประมาณ ไม่เกิน 3 ขวบ การปรับพฤติกรรมจะค่อนข้างยาก เพราะฉะนั้นการใช้เตียงเด็กช่วยยึดน้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ ช่วงนี้เด็กมักร้องไห้เยอะ ผู้ปกครองต้องเข้าใจ ถ้าทนไม่ไหว อาจต้องเป็นผู้ปกครองที่ทนไหวเป็นคนพามาแทนค่ะ ในขณะที่เด็กที่อายุมากกว่านั้น เราอาจสามารถปรับพฤติกรรมได้โดยอาศัยความเข้าใจ การพูดจา และทัศนคติของผู้ปกครอง เป็นหลัก

ทำฟันไม่เจ็บเลย ไม่มีมีอยู่จริงค่ะ นอกจากเด็กจะหลับ (ใช้ยาสลบ) กรณีผู้ปกครอง ไม่อยากให้ลูกร้องไห้เลยจริงๆ หรือเด็กตัวใหญ่มาก ไม่สามารถใช้อุปกรณ์จับยึดได้ อาจต้องพาไปดมยาสลบตาม โรงพยาบาลขนาดใหญ่ ที่มีการให้บริการทันตกรรมสำหรับเด็ก แทนค่ะ

5 ข้อไม่ควรทำก่อนพาลูกมาพบหมอฟันค่ะ

วิธีดูแลสุขภาพช่องปากสำหรับคุณแม่มือใหม่ 1

วิธีดูแลสุขภาพช่องปากสำหรับคุณแม่มือใหม่ 2

คลินิกรักยิ้มทันตกรรม ยินดีให้บริการเด็กทุกกลุ่มอายุ ทุกประเภท โดยเฉพาะเด็กพิเศษ เราเป็นคลินิกเดียวที่ยินดีให้บริการ ในเด็กกลุ่มนี้ เพราะเราอยากให้เด็กๆทุกคน มีสุขภาพฟันที่ดีสามารถติดต่อ สอบถาม และ ขอนัดได้ที่ 0830157046 เปิดทุกวัน 9:00-19:00 ค่ะ

content

5 ข้อเตรียมตัวก่อนพาลูกมาทำฟัน

  1. ก่อนมาพบหมอสัก 1-2 สัปดาห์ ควรหาเวลาเล่นบทบาทสมมติกับลูก หรือหาหนังสือ นิทานเกี่ยวกับการทำฟัน อ่านให้ลูกฟัง เพื่อเตรียมตัวลูกให้ทราบคร่าวๆก่อนมาทำฟัน เนื้อหาควรไม่ต้องเน้นถึงรายละเอียดการทำฟัน แต่ควรเน้นถึงความจำเป็นที่จะต้องมาทำฟัน
  2. ควรจะมีตัวอย่างที่ดีให้แก่เด็ก ในการมาทำฟัน อาจหาใน youtube จาก ญาติสนิท เพื่อน หรือ พี่ ที่เขามาทำฟัน แล้วเขาไม่ร้องไห้ ให้เขาดูก่อนมารับบริการทันตกรรม ตัวอย่าง คลิปที่น่าสนใจก่อนพาลูกมารับบริการทันตกรรม หรือจะดูในเพจ คลินิกรักยิ้มทันตกรรม ก็ได้
  3. ในเด็กเล็ก ที่อาเจียนง่าย ไม่ควรทานอาหารก่อนมาทำฟัน 1-2 ชม เพราะบางครั้ง อาจจะอาเจียนในขณะทำฟันได้ง่าย
  4. ควรแปรงฟันให้เด็กก่อนทำฟัน เพื่อให้หมอสามารถตรวจฟันได้ง่ายขึ้น รวมถึงการเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย
  5. ในเด็กเล็กมาก ควรมีผู้ปกครองอย่างน้อย 2 คนเพราะจะทำให้คุณหมอสามารถให้ความรู้ในการดูแลสุขภาพช่องปากได้อย่างเต็มที่

หลังจากเตรียมพร้อมลูกน้อยในการมารับบริการทันตกรรมแล้ว ขั้นตอนต่อไป มาดูว่าในขณะทำการรักษา ผู้ปกครองควรเข้าใจอะไรบ้าง ต่อไปกันค่ะ

content

การจัดฟันในเด็ก

การจัดฟันในเด็ก สามารถทำได้ตั้งแต่ตอนที่เด็กอายุ 6 หรือ 7 ขวบ ซึ่งเป็นช่วงที่ฟันกำลังพัฒนาและขากรรไกรกำลังเจริญเติบโต นั่นหมายความว่าปัญหาบางอย่าง เช่น ฟันซ้อน จะแก้ไขได้ง่ายกว่าตอนโตเป็นผู้ใหญ่

สิ่งสำคัญที่น่าสังเกตก็คือ การจัดฟันในเด็กไม่สามารถแก้ไขปัญหาการจัดฟันได้ทุกแบบ แต่อาจช่วยได้ในบางกรณี สภาพช่องปากสองแบบที่จำเป็นต้องจัดฟันตั้งแต่เด็ก ได้แก่ ฟันสบไขว้และฟันหน้ายื่น ฟันสบไขว้อาจทำให้ขากรรไกรเจริญเติบโตไม่สมดุลกัน ส่วนฟันหน้าที่ยื่นออกมาก็อาจเสี่ยงต่อการแตกหักหรือบาดเจ็บเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เช่น เมื่อหกล้ม เป็นต้น

ประโยชน์

content

วิธีการดูแลช่องปากสำหรับคุณแม่มือใหม่ (1)

***วิธีการดูแลช่องปากและฟันให้ลูกรักสำหรับคุณแม่มือใหม่ (1)***

เด็ก 0-6 เดือน

—ฟันยังไม่ขึ้น—

– นมแม่ล้วน ยังไม่จำเป็นต้องทำความสะอาดช่องปากก็ได้ แต่เพื่อความคุ้นเคย คุณแม่สามารถเริ่มต้นทำความสะอาดช่องปากน้องตั้งแต่ตอนนี้ได้เลย

เด็กที่ลิ้นเป็นฝ้าขาวไม่ต้องกังวลเดี๋ยวจะหายเอง ***ไม่ใช้ฉี่เด็กหรือยาคูลท์ทำความสะอาดลิ้นเด็กนะคะ***

– นมผง หรือ นมผงร่วมกับนมแม่ ใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำต้มสุกที่เย็นแล้วทำความสะอาดลิ้น เหงือก กระพุ้งแก้ม วันละ 2 ครั้ง เช้า เย็น

***เด็กแต่ละคนฟันน้ำนมซี่แรกขึ้นช้าเร็วแตกต่างกัน บางคนขึ้น 3 เดือน บางคนขึ้น 1 ขวบครึ่ง ไม่ต้องกังวลค่ะ เด็กที่ฟันใกล้ขึ้นจะมีน้ำลายเยอะ ชอบเอามือเข้าปาก อาจงอแงหรือตื่นบ่อยตอนกลางคืน อาจมีไข้ร่วมด้วย สังเกตเห็นสันเหงือกมีสีซีดๆ จับดูนูนๆ แข็งๆ คุณแม่อาจบรรเทาอาการคันเหงือกของลูกโดยให้ลูกกัดยางกัดแช่เย็น หรือใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเย็นที่สะอาดพันนิ้วเพื่อนวดเหงือกให้ลูก หากลูกงอแงเจ็บเหงือกมากให้กินยาลดไข้บรรเทาปวดได้ และเริ่มทำความสะอาดช่องปากลูกได้เลยเพื่อสร้างความคุ้นเคย***

Credit: https://www.facebook.com/thaimilkteeth

content

5 ข้อไม่ควรทำก่อนพาลูกมาพบหมอฟัน

 

—5 ข้อไม่ควรทำก่อนพาลูกมาพบหมอฟัน —

ทำฟันเด็ก1

1. อย่าโกหก  อย่าโกหก และ อย่าโกหก ค่ะ (สำคัญมาก) จะพามาพบหมอฟันก็ต้องบอกลูกว่าจะพามาพบหมอฟัน อย่าบอกลูกว่าจะพาไปกินขนม ซื้อของเล่น แล้วอยู่ๆ ก็ขับรถตรงไปคลินิกทำฟันเลย อย่างนี้เด็กกรี๊ดคลินิกแตกค่ะ แล้วครั้งต่อไปจะยากกว่าเดิมอีกมากๆๆๆ ทั้งคุณหมอ และ ผู้ปกครอง ค่ะ ความจำเด็กเขาดีมากค่ะ เลี้ยวเข้าถนน ก็รู้แล้วค่ะ

อย่าโกหกลูก อธิบายให้เขาเข้าใจก่อนทำฟัน

2. บอกลูกว่ามาหาคุณหมอ แต่ บอกว่า คุณหมอจะดูเฉยๆไม่ทำอะไร อันนี้ก็ไม่ควรทำค่ะ เพราะ ร้อยละ 100 คุณพ่อคุณแม่ อยากให้หมอทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ลูกหายปวดอยู่แล้ว ถ้าไม่ทราบว่าคุณหมอจะให้การรักษาอย่างไร บอกลูกค่ะว่า ” วันนี้มาหาคุณหมอ ซึ่งคุณหมอจะช่วยให้หนูหายปวดฟัน หนูต้องช่วยคุณหมอด้วยการอ้าปากกว้างๆ เพื่อให้คุณหมอจะได้ทำงานได้สะดวก จะได้กลับบ้านได้เร็วๆ ค่ะ “

3. พูดขู่เด็กด้วยคำพูดน่ากลัวเป็นประจำ เกี่ยวกับการทำฟัน หมอได้ยินบ่อยมากเลยค่ะ เช่น “นี่ เห็นไหม ขยันกินขนมแล้วไม่แปรงฟัน เดี๋ยวให้คุณหมอฟันจับถอนฟันให้หมดปากเลย “หรือ “ถ้าหนูดื้อ จะให้คุณหมอจับถอนฟันนะ” ไม่ควรอย่างยิ่งเลยค่ะ คำพูดที่ทำให้คุณหมอเป็นผู้ร้ายในสายตาเด็ก จะทำให้คุณหมอทำฟันยากมากขึ้น ซึ่งผู้ปกครองก็ไม่อยากให้ลูกต้องเป็นแบบนั้นใช่มั้ยคะ

พูดขู่เด็กให้กลัวการทำฟัน

4. ให้คำสัญญากับเด็กระหว่างทำฟัน หรือ ก่อนทำฟัน เสร็จแล้วไม่รักษาสัญญา เช่น มาหาคุณหมอนะ เดี๋ยวจะซื้อของเล่นให้ จะพาไปเที่ยว ซึ่งพอหลังจากได้รับการรักษาเสร็จ แล้วไม่รักษาสัญญา แบบนี้จะทำให้การทำฟันครั้งต่อไปยากมากขึ้นจริงๆค่ะ สัญญากับเด็กที่เป็นไปได้ แล้วช่วยรักษาสัญญาด้วยนะคะ

5. จงคิดเสมอว่า ลูกเราไม่ใช่ เด็กโง่ เขาคือผู้ใหญ่ตัวเล็กๆ เพราะฉะนั้น เอาใจลูกมาใส่ใจเราค่ะ เราไม่อยากเจอแบบไหน เราก็ไม่ควรทำกับลูกแบบนั้นค่ะ เราอยากให้ลูกฟันสวย เราก็ควรรีบพาลูกมาพบหมอฟันให้เร็วที่สุด คลินิกรักยิ้มทันตกรรม รับตรวจฟันเด็ก ตั้งแต่ฟันน้ำนมซี่แรกขึ้นในช่องปากเลยนะคะ 

ต่อไปเราจะมาดู 5 ข้อควรทำ เตรียมตัวลูกก่อนมาทำฟันกันต่อค่ะ

ใครยังไม่เคยพาลูกไปหาหมอฟัน รีบพาไปเลยนะคะ เพื่อสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีของลูกน้อยค่ะ ที่คลินิกของเราอายุเท่าไหร่รับหมดนะคะ ยิ่งพามาเร็วก็ยิ่งดีค่า โทรนัดได้เลยที่ 0830157046 😀